

ประเทศ ไอร์แลนด์ เป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นเกาะ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลไอร์แลนด์
ประเทศถูกแบ่ง เขตการปกครองเป็นสองส่วนคือ ไอร์แลนด์เหนือ ( Northern Irelnad ) ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจัรกร ครอบคลุมอาณาเขต 7 ภูมิภาค มีเมืองหลวง คือ Belfast และ The Republic of Ireland ซึ่งครอบคลุมอาณาเขตที่เหลือของเกาะ มีพื้นที่ประมาณ 70,273 ตารางกิโลเมตร (เมืองไทยมีพื้นที่ประมาณ 514,000 ตารางกิโลเมตร)ประชากรทั้งสิ้นราวๆ 4.3 ล้านคน โดยประชากรมีอายุโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 35.6 ปี
จำนวนประชากรต่างชาติ: 468,000 คน
GDP : จากการประมาณการ ปี 2007 1.9 พันล้าน Euro
อัตราแลกเปลี่ยน : (1-06-08) 1 Euro = 51 Baht
ภาษา: คนไอร์แลนด์ใช้ภาษาอังกฤษ และ ภาษาเกลิค (Gaelic) เป็นภาษาทางการ ซึ่งเป็น1ใน2ประเทศเท่านั้นในยุโรปที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ
ศาสนา: กว่า 80% ของประชากรในประเทศ นับถือศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิกอย่างเคร่งครัด ส่วนประชากรที่เหลือนั้น นับถือนิกายย่อยๆอื่นๆ และศาสนาอื่นๆ
ภูมิอากาศ: เนื่องจากไอร์แลนด์ได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นกลัมฟ์สตรีม อากาศในประเทศไอร์แลนด์จึงไม่รุนแรง หน้าหนาวไม่หนาวจัด หน้าร้อนเย็นสบาย อุณหภูมิในฤดูหนาวอยู่ประมาณ 2-7 องศา ในขณะที่อุณหภูมิในฤดุร้อนจะอยู่ที่ 18-25 องศา สภาพอากาศโดยรวมเหมือนประเทศอังกฤษ บรรยากาศครึ้ม ฝนตกปรอยๆตลอดปี อากาศเย็นสบาย
ข้อมูลเบื้องต้นของประเทศ
ใน ปัจจุบันไอร์แลนด์เป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับนักเรียนนักศึกษาจากทั่วโลก ความเป็นมิตรและการต้อนรับที่อบอุ่นของคนไอริชนั้นเป็นที่ยอมรับและเป็น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปรับตัวของนักเรียนต่างชาติที่ต้องพลัดถิ่นไปเรียน ที่ไอร์แลนด์นั้นง่ายขึ้น
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของระบบเศรษฐกิจ จากที่อาศัยพึ่งพาการเกษตรกรรมเป็นหลักในทศวรรษ 1950 มาเป็นประเทศสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็วของฝ่ายการผลิตที่ ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง และฝ่ายการบริการระหว่างประเทศ ทำให้ไอร์แลนด์ในปัจจุบันมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดใน ภาคพื้นยุโรป ซึ่งทำให้ไอร์แลนด์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "เสือแห่งเคลติค" หรือ Celtic Tiger
ด้วย ความที่ประเทศไอร์แลนด์เต็มไปด้วยประชากรแรงงานที่จบการศึกษาจากสถาบันการ ศึกษาในประเทศ ซึ่งมีระบบการศึกษาที่มีมาตรฐานสูงตามระดับสากล และประชากรเหล่านี้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร ทั้งนี้รวมถึงการมีระบบเทคโนโลยีชั้นสูงที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรก รรมต่างๆทำให้บริษัทต่างชาติทั้งรายใหญ่ และรายย่อยนิยมมาลงทุนในไอร์แลนด์ และทำให้ไอร์แลนด์มีเงินลงทุนโดยตรงของชาวต่างชาติเป็นจำนวนเงินมหาศาลใน ระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นผลเศรษฐกิจของประเทศเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภาค การศึกษาในระดับนานาชาติมีความสำคัญต่อไอร์แลนด์เป็นอย่างมาก รัฐบาลของไอร์แลนด์ลงทุนเงินจำนวนมหาศาลกับระบบการศึกษาในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการศึกษาในระดับนานาชาติ เพื่อเป็นการโปรโมทการศึกษา และเพื่อดึงดูดนักเรียนต่างชาติให้เข้ามาเรียนในประเทศ มาตรฐานของระบบการศึกษาขั้นสูงนั้นอยู่ในระดับสากล ซึ่งทำให้โอกาสทางการทำงานและตลาดแหล่งงานของนักศึกษาในไอร์แลนด์นั้นมีทั่ว โลก
ในขณะที่นักศึกษาจากต่างประเทศจะได้รับประสบการณ์ทางการศึกษาที่ เต็มปด้วยมิตรภาพจากประเทศไอร์แลนด์ ขณะเดียวกันนักศึกษาเหล่านี้ก็นำความรู้ ประสบการณ์และความเป็นสากลมาสู่คนในสถาบันการศึกษาในไอร์แลนด์ด้วย ดังนั้นความสัมพันธ์แบบยั่งยืนระหว่างนักศึกษาชาวไอริชและนักศึกษาต่างชาติ จึงพัฒนาขึ้นจากระดับความเป็นเพื่อนในชั้นเรียนไปสู่ความเป็นคู่ค้า และ ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม และธุรกิจระหว่างประเทศในเวลาต่อมา
การศึกษาขั้นสูง
การ ศึกษาขึ้นสูงของไอร์แลนด์ประกอบด้วย สถาบันอุดมศึกษาระดับมหาวิยาลัย (ซึ่งรวมถึงวิทยาลัยแห่งการศึกษาต่างๆ) สถาบันเทคโนโลยี และวิทยาลัยเอกชนอีกหลายแห่ง สถาบันเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสถาบันที่ปกครองตนเอง ไม่ผ่านอำนาจการบริหารจากรัฐบาล แต่ก็ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาล
มหาวิทยาลัย
มีมหาวิยาลัยที่ตั้งอยู่ในเขตเกาะไอร์แลนด์ทั้งหมด 9 แห่ง สองแห่งอยู่ในเขตของประเทศไอร์แลนด์เหนือ--Northern Ireland (ซึ่ง อยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร) และอีก 7แห่งอยู่ในอาณาเขตของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ มหาวิยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ก่อตั้งในปี 1592 คือมหาวิทยาลัย Trinity College Dublin หรือ อีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า National University of Dublin
รายชื่อของมหาวิทยาลัยทั้ง 7 แห่งมีดังนี้
1. The Trinity College Dublin (TCD, UD)
2. The University College Dublin (UCD)
3. The Dublin City University (DCU)
4. National University of Ireland, Cork (NUI-Cork)
5. National University of Ireland, Galway (NUI-Galway)
6. National University of Ireland, Maynooth (NUI-Maynooth)
7. University of Limerick (UL)
§
1.National College of Art and Design (NCAD)
2.The Royal College of Surgeons in Ireland (RCSI)
3.St. Angela's College of Education.
มหาวิทยาลัย University of Limerick และ Dublin City University (ก่อตั้งในปี1989) เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่น้อยที่สุดทจากทั้งหมด 7 สถาบัน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมหาวิทยาลัยนี้ก็ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและผลิตบุคคากร คุณภาพที่มีความสามารถมาสู่ตลาดแรงงานของโลกอย่างมากมาย
มหาวิทยาลัยอีกสองแห่งที่ตั้งอยู่ในไอร์แลนด์เหนือคือ
1. University of Ulster (UU)
2. The Queen's University of Belfast (QUB)
นอก จากมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยที่กล่าวมานี้จะเปิดให้การศึกษาในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกแล้ว ก็ยังมีการดูแลเรื่องการวิจัยและการพัฒนาอีกด้วย อีกทั้งมหาวิทยาลัยเหล่านี้ยังได้เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรีเป็นต้นไปซึ่งก็เปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาจากนานาประเทศได้ เลือกตามความต้องการ และความเหมาะสม เช่น ในเรื่องของจุดประสงค์ของการเรียน เวลา และค่าใช้จ่าย เป็นต้น
สถาบันเทคโนโลยี
ปัจจุบัน มีสถาบันเทคโนโลยีจำนวน 14 แห่งกระจายทั่วไปในสาธารณรัฐไอร์แลนด์ที่เปิดการสอนตั้งแต่โปรแกรมในระดับ ประกาศณียบัตร อนุปริญญา และระดับปริญญาบัตรในหลากหลายวิชาสาขา ทั้งในรูปแบบการสอนในห้องเรียน (taught Method) และการทำวิจัย (Research Method)ซึ่งโปรแกรมทั้งหมดจะได้รับการับรองการศึกษาจากหน่วยงานของรัฐบาล ซึ่งทำให้แน่ใจได้ว่าสถาบันเหล่านี้ได้จัดระบบการเรียนการสอนให้มีระดับสูง สุดตามมาตรฐานของสากล รายชื่อของสถาบันเทคโนโลยีทั้ง 14 แห่งมีดังนี้
1. Dublin Institute of Technology (DIT)
2. Athlone Institute of Technology (AIT)
3. Cork Institute of Technology (CIT)
4. Dundulk Institute of Technology (DKIT)
5. Dun Laohaire Institute of Technology (DLIADT)
6. Galway-Mayo Institute of Technology (GMIT)
7. Institute of Technology Blanchardstown (ITB)
8. Institute of Technology Carlow (ITC)
9. Institute of Technology Sligo (ITS)
10. Institute of Technology Tallaght (IT-Tallaght)
11. Institute of Technology Tralee (IT-Tralee)
12. Letterkenny Institue of Technology (LYIT)
13. Limerick Institute of Technology (LIT)
14. Waterford Institute of Technology (WIT)
ปัจจุบัน รัฐบาลของประเทศไอร์แลนด์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการโปรโมทการศึกษานัก เรียนนานาชาติ อย่างที่พี่บอกไว้ว่านอกจากนักเรียนต่างชาติจะได้รับประโยชน์จากการศึกษาที่ มีมาตรฐานติดระดับต้นๆในยุโรปแล้ว ประเทศไอร์แลนด์ยังได้รับประโยชน์จากนักเรียนต่างชาติเหล่านี้ในการนำความ เป็นสากลทางด้านความคิด ทรรศนคติจากนักเรียนนานาประเทศ